วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

การแกะสลัก

การแกะสลักไม้ 

การแกะสลักไม้ได้มีแต่การแกะสลักผักและผลไม้ แต่ประเทศไทยยังมีช่างฝึมือดึในการแกะสลักไม้



งานแกะสลักไม้ ถือว่าเป็นงานศิลปกรรมที่เก่าแก่ประเภทหนึ่ง สำหรับการแกะสลักไม้ในประเทศไทยนั้นแต่เดิมส่วนมากจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ศาสนาทั้งสิ้นได้แก่งานแกะสลักไม้ประกอบโบสถ์ วิหาร ศาลาวัด หอพระไตรปิฎก ตู้พระไตรปิฎก พระเจดีย์ ฯลฯ ซึ่งมีการสรรค์สร้างอย่างสวยงามและปราณีตบรรจง ปรากฏอยู่ทุกยุคทุกสมัย ในภูมิภาคต่างๆของประเทศไทยมีช่างแกะสลักที่มีฝีมือได้สร้าง สรรค์ผลงานขึ้น มาเป็นจำนวนมาก ช่างแกะสลักไม้ สามารถสืบทอด ศิลป วัฒนธรรม ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ของแต่ละชุมชนลงบนแผ่นไม้ อาทิ เช่น ศิลปะไม้แกะสลักของล้านนา เป็นงานศิลปที่เก่าแก่ มีเอกลักษณ์และมีคุณค่า ควรแก่การภาคภูมิใจสำหรับชาวล้านนาเอง งานแกะสลักไม้ จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของ วัฒนธรรมล้านนาที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ ค่านิยม ประเพณี การทำมาหากิน ตลอดจนวิถีชีวิตของชาวล้านนา ที่ผูกพันอยู่กับธรรมชาติ ทุ่งนา ป่าไม้ ซึ่งจะพบเห็นกันได้ทั่วไปในปัจจุบันในสถานที่สำคัญทางศาสนา บ้านเรือนที่อยู่อาศัยหรือเครื่องใช้สอยในชีวิตประจำวัน ตลอดจน การอนุรักษ์ สืบสาน ถ่ายทอด ช่างไทยสิบหมู่ เป็นวัฒนธรรมทางด้าน ศิลปะแขนงหนึ่งในกระบวนช่างไทยได้จำแนกแยกแยะงานช่างได้มากมาย

 ประเภทการแกะสลักไม้

1.การแกะสลักภาพลายเส้น เป็นการเซาะร่องตามลวดลายของเส้นให้มีความหนักเบาเท่ากันตลอดทั้งแผ่น
 2.การแกะสลักภาพนูนต่ำ เป็นการแกะสลักภาพให้นูนขึ้นสูงจากพื้นแผ่นของไม้เพียงเล็กน้อยไม่แบนราบเหมือนภาพลายเส้น
 3.การแกะสลักภาพนูนสูง เป็นการแกะสลักภาพให้ลอยสูงขึ้นมาเกือบสมบูรณ์เต็มตัว ความละเอียดของภาพมีมากกว่าภาพนูนต่ำ
4.การแกะสลักภาพลอยตัว เป็นการแกะสลักไม้ให้มีลักษณะเป็น 3 มิติ มองเห็นได้รอบด้าน
ขั้นตอนและวิธีการแกะสลักไม้
 1. กำหนดรูปแบบและลวดลาย ออกแบบหรือกำหนดรูปแบบและลวดลายนับเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการออกแบบ สำหรับงานแกะสลักต้องรู้จักหลักในการออกแบบ และต้องรู้จักลักษณะของไม้ที่จะนำมาใช้แกะสลัก เช่น ทางไม้หรือเสี้ยนไม้ที่สวนกลับไปกลับมา สิ่งเหล่านี้ช่างแกะสลักจะต้องศึกษาหาความรู้และแบบงานแกะสลักต้องเป็นแบบ ที่เท่าจริง
2. การถ่ายแบบลวดลายลงบนพื้นไม้ นำแบบที่ออกแบบไว้มาผนึกลงบนไม้ หรือนำมาตอกสลักกระดาษแข็งต้นแบบให้โปร่ง เอาลวดลายไว้และนำมาวางทาบบนพื้นหน้าไม้ที่ทาด้วยน้ำกาว หรือน้ำแป้งเปียกไว้แล้วทำการตบด้วยลูกประคบดินสอพองหรือฝุ่นขาวให้ทั่ว แล้วนำกระดาษต้นแบบออก จะปรากฏลวดลายที่พื้นผิวหน้าไม้
3. การโกลนหุ่นขึ้นรูป คือการตัดทอนเนื้อไม้ด้วยเครื่องมือช่างไม้บ้างเครื่องมือช่างแกะสลักบ้าง แล้วแกะเนื้อไม้เอาส่วนที่ไม่ต้องการออกให้ไม้นั้นมีลักษณะรูปร่างที่ใกล้ เคียงกับแบบเพื่อให้เกิดรูปทรงตามต้องการ มีความชัดเจนตามลำดับเพื่อจะนำไปแกะสลักลวดลายในขั้นต่อไป การโกลนภาพ เช่นการแกะภาพลอยตัว เช่น หัวนาคมงกุฎ หรือแกะครุฑและภาพสัตว์ต่าง ๆ ช่างจะต้องโกลนหุ่นให้ใกล้เคียงกับตัวภาพ
4. การแกะสลักลวดลาย คือการใช้สิ่วที่มีความคม มีขนาดและหน้าของสิ่วต่าง ๆ เช่น สิ่วหน้าตรง หน้าโค้ง และฆ้อนไม้ เป็นเครื่องมือในการแกะสลัก เพื่อทำให้เกิดลวดลายซึ่งต้องใช้ฆ้อนไม้ในการตอกและใช้สิ่วทำการขุด การปาดและการแกะลวดลายทำให้เกิดความงามตามรูปแบบที่ต้องการ
การขุดพื้น คือการตอกสิ่วเดินเส้น โดยใช้สิ่วที่พอดีกับเส้นรอบนอกของตัวลาย เพื่อเป็นการคัดโคมของลวดลายส่วนใหญ่ทั้งหมดก่อนโดยใช้ฆ้อนตอก เวลาตอกก็ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม สม่ำเสมอเพื่อคมสิ่วจะได้จมลึกในระยะที่เท่ากันแล้วจึงทำการใช้สิ่วหน้าตรง ขุดพื้นที่ไม่ใช่ตัวลายออกให้หมดเสียก่อน ขุดชั้นแรกขุดตื้น ๆ ก่อน ถ้าพื้นยังไม่ลึกพอก็ตอกซ้ำอีกแล้วจึงขุดต่อไปเพื่อให้ได้ช่องไฟที่โปร่งถ้า ต้องการนำลวดลายแกะสลักนั้นไปประดับในที่สูงก็ต้องขุดพื้นให้ลึกพอประมาณ เพราะมองไกล ๆ จะได้เห็น การแกะยกขึ้น หลังจากที่ทำการขุดพื้นแล้วก็แกะยกชั้น จัดตัวลายที่ซ้อนชั้นกันเพื่อให้เห็นโคมลายชัดเจน ซึ่งก้าวก่ายกันในเชิงของการผูกลายเพื่อปรับระดับความสูงต่ำของแต่ละชั้นมี ระยะ 1 – 2 – 3 การแกะแรลาย เริ่มจากการตอกสิ่วเดินเส้นภายในส่วนละเอียดของลวดลายแล้ว ก็จะใช้สิ่วเล็บมือทำการปาดแกะแรลายเก็บแต่งส่วนละเอียด
ข้อสังเกตในการปาดแรตัวลาย เวลาปาด หรือแกะแรตัวลาย ช่างจำเป็นต้องดูทางของเนื้อไม้หรือเสี้ยนเมื่อเวลาใช้สิ่วก็ต้องปาดไปตาม ทางของเนื้อไม้ คือไม่ย้อนเสี้ยนไม้หรือสวนทางเดินของเนื้อไม้ เพราะจะทำให้ไม้นั้นหลุดและบิ่นได้ง่าย การปาดแต่งแรลาย คือการตั้งสิ่วเพล่เอียงข้างหนึ่ง ฉากข้างหนึ่ง แล้ว ปาดเนื้อไม้ออกจะเกิดความสูงต่ำไม่เสมอกัน เพื่อทำให้เกิดแสงเงาในตัวลายและมองเห็นให้ชัดเจนตามรูปแบบที่ต้องการ
 การปาดลายสามารถทำได้ 3 วิธี คือ
 - ปาดแบบช้อนลาย
- ปาดแบบพนมเส้น คือพนมเส้นตรงกลาง
- ปาดแบบลบหลังลาย (ลบเม็ดแตง)
เครื่องมือที่ใช้ในการแกะสลัก
- ไม้ ไม้ที่นิยมนำมาใช้ในงานแกะสลัก ได้แก่ ไม้สัก เป็นไม้ที่ไม่แข็งเกินไป มีลายไม้สวยงาม สามารถแกะลายต่างๆได้ง่าย หดตัวน้อย ทนนานต่อสภาพดินฟ้าอากาศและปลอดภัยจากปลวก มอดและแมลง ไม้ที่นิยมรองลงมาคือ ไม้โมก ไม้สน ที่สำคัญคือ ไม้ที่นำมาทำการแกะสลักจะ ต้องไม่มีตำหนิ เพราะจะทำให้งานชิ้นนั้นขาดความสวยงาม ค้อนไม้ เป็นค้อนที่มีลักษณะคล้ายตะลุมพุกเล็กๆ ทำจากไม้เนื้อแข็งเช่น ไม้แดง ไม้ชิงชัน
- ค้อนไม้จะเบา และไม่กินแรงเวลาใช้งานและช่วยรักษาด้ามสิ่วให้ใช้งานได้นานอีกด้วย
- สิ่ว เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการแกะสลักมีหลายชนิดได้แก่ สิ่วขุด สิ่วฉาก สิ่วขมวด สิ่วเล็บมือ สิ่วทำ จากเหล็กกล้าที่แข็งและเหนียว ที่สำคัญคือจะต้องลับให้คมอยู่เสมอ
- มีด เป็นมีดเล็กๆ ปลายแหลม ใช้แกะลายเล็กๆ หรือแกะร่อง
- เลื่อย ใช้ในการเลื่อยไม้ส่วนที่ไม่ต้องการออกไป เพื่อขึ้นรูปหรือขึ้นโครงของงาน
- บุ้งหรือตะไบ ใช้ถูตกแต่งชิ้นงานในขั้นตอนหลังจากแกะสลักแล้ว
-กระดาษทราย ใช้ขัดตกแต่งชิ้นงานหลังจากแกะสลักแล้ว
 - กบไสไม้ ใช้ไสไม้ให้เรียบก่อนลงมือแกะหรือตกแต่งอื่นๆภายหลัง
- สว่าน ใช้เจาะรูไม้เพื่อแกะหรือฉลุไม้
 - แท่นยึดหรือปากากาจับไม้ ใช้ยึดจับไม้
- เครื่องมือประกอบอื่นๆ ได้แก่ ไม้บรรทัด ดินสอ กระดาษลอกลาย กระดาษแข็งทำแบบ
 - วัสดุตกแต่ง ได้แก่ ดินสอพอง แลกเกอร์ แชลแลก น้ำมันลินสีด ทินเนอร์ หรือสีทาไม้



 การแกะสลักเทียน 


การตกแต่งต้นเทียน เริ่มมีขึ้นโดยภูมิปัญญาชาวบ้าน ใช้ขี้ผึ้งลนไฟหรือตากแดดให้อ่อน แล้วปั้นเป็นรูปดอกลำดวนติดต้นเทียน หรือเอาขี้ผึ้งไปต้มให้ละลาย แล้วใช้ผลมะละกอ หรือ ผล ฟักทองนำมาแกะเป็นลวดลาย ใช้ไม้เสียบนำไปจุ่มในน้ำขี้ผึ้ง แล้วนำไปจุ่มในน้ำเย็น แกะขี้ผึ้งออก จากแบบ ตัดและตกแต่งให้สวยงามนำไปติดที่ต้นเทียน
พ.ศ. 2482 มีช่างทองชื่อ นายโพธิ์   ส่งศรี   เริ่มทำลายไทยไปประดับบนเทียน โดยมี การทำแบบพิมพ์ลงในแผ่นปูนซีเมนต์ซึ่งถือว่าเป็นแบบพิมพ์ หรือแม่พิมพ์ แล้วเอาขี้ผึ้งที่อ่อนตัว ไปกดลงบนแม่พิมพ์จะได้ขี้ผึ้งเป็นลายไทย นำไปติดกับลำต้นเทียน
      ต่อมา นายสวน คูณผล ได้คิดทำลายให้นูนและสลับสี จนเห็นได้ชัด เมื่อส่งเทียนเข้า ประกวดจึงได้รับรางวัลชนะเลิศ และในปี พ.ศ. 2497 นายประดับ ก้อนแก้ว คิดประดิษฐ์ทำหุ่นเป็น เรื่องราวพุทธประวัติ และเอาลวดลายขี้ผึ้งติดเข้าไปที่หุ่น ทำให้มีลักษณะแปลกออกไป จึงทำให้ เทียนพรรษาได้รับรางวัลชนะเลิศ และชนะเลิศมาทุกปี ในเทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์
      ปี พ.ศ. 2502 มีช่างแกะสลักลงในเทียนพรรษาคนแรก คือ นายคำหมา แสงงาม และ คณะกรรมการตัดสินให้ชนะการประกวด ทำให้เกิดการประท้วงคณะกรรมการตัดสิน ทำให้ในปี ต่อๆ มามีการแยกประเภทต้นเทียนออกเป็น 2 ประเภทชัดเจนคือ

      พ.ศ. 2482 มีช่างทองชื่อ นายโพธิ์   ส่งศรี   เริ่มทำลายไทยไปประดับบนเทียน โดยมี การทำแบบพิมพ์ลงในแผ่นปูนซีเมนต์ซึ่งถือว่าเป็นแบบพิมพ์ หรือแม่พิมพ์ แล้วเอาขี้ผึ้งที่อ่อนตัว ไปกดลงบนแม่พิมพ์จะได้ขี้ผึ้งเป็นลายไทย นำไปติดกับลำต้นเทียน
      ต่อมา นายสวน คูณผล ได้คิดทำลายให้นูนและสลับสี จนเห็นได้ชัด เมื่อส่งเทียนเข้า ประกวดจึงได้รับรางวัลชนะเลิศ และในปี พ.ศ. 2497 นายประดับ ก้อนแก้ว คิดประดิษฐ์ทำหุ่นเป็น เรื่องราวพุทธประวัติ และเอาลวดลายขี้ผึ้งติดเข้าไปที่หุ่น ทำให้มีลักษณะแปลกออกไป จึงทำให้ เทียนพรรษาได้รับรางวัลชนะเลิศ และชนะเลิศมาทุกปี ในเทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์
      ปี พ.ศ. 2502 มีช่างแกะสลักลงในเทียนพรรษาคนแรก คือ นายคำหมา แสงงาม และ คณะกรรมการตัดสินให้ชนะการประกวด ทำให้เกิดการประท้วงคณะกรรมการตัดสิน ทำให้ในปี ต่อๆ มามีการแยกประเภทต้นเทียนออกเป็น 2 ประเภทชัดเจนคือ
1.   ประเภทติดพิมพ์ (ตามแบบเดิม)
2.   ประเภทแกะสลัก
      การทำเทียนพรรษามีวิวัฒนาการเรื่อยมาไม่หยุดนิ่ง ในปี พ.ศ. 2511 ผู้คนได้พบเห็น ต้นเทียนพรรษาขนาดใหญ่และสูงขึ้น มีการแกะสลักลวดลายในส่วนลำต้นอย่างวิจิตรพิสดาร ใน ส่วนฐานก็มีการสร้างหุ่นแสดงเรื่องราวทางศาสนา และความเป็นไปในสังคมขณะนั้น กลายเป็น ประติมากรรมเทียนพรรษาที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งช่างผู้ริเริ่มในการทำต้นเทียนยุคหลังคือ นายอุตส่าห์ และ นายสมัย จันทรวิจิตร สองพี่น้อง นับเป็นงานสร้างสรรค์ทางศิลปะอันเกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน อย่างแท้จริง




 






วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

การแกะสลักดอกไม้

การแกะสลักดอกไม้ มีหลายแบบดังนี้


ดอกทานตะวัน

1. เลือกแครอทที่สด ผิวเรียบไม่มีรอยช้ำหรือรอยแมลงกินล้างให้สะอาด

2. หั่นแครอทออกเป็นท่อนหนาประมาณ 1.5 นิ้วเกลาแครอทเป็นรูปครึ่งวงกลม



3. เซาะแครอทให้เป็นวงกลมตรงกลางดอก

4. ตรงกลางดอกเซาะให้เป็นร่องตารางสี่เหลี่ยมเป็นเกสรของดอก
5. วาดกลีบดอกให้ปลายกลีบแหลม ขนาดกลีบเท่าๆกันโดยรอบและเซาะเนื้อข้างๆกลีบออกให้กลีบเห็นชัดเจนมากขึ้น
6. วาดกลีบชั้นที่2 ให้สับหว่างกับชั้นที่ 1 และเซาะเนื้อระหว่างกลีบออก กลีบจะเห็นชัดขึ้น
7. ชั้นต่อไปแกะสับหว่างและเซาะเนื้อระหว่างกลีบไปเรื่อยๆ ประมาณ 5ชั้น จะได้ดอกไม้ตามต้องการ
8. สามารถนำไปตกแต่งอาหาร หรือหัวจานอาหารให้ดูสวยงามน่ารับประทานขึ้นได้ โดยนำใบไม้มาตกแต่ง


ดอกข่า
1. เลือกแครอทที่สด ผิวเรียบไม่มีรอยช้ำหรือรอยแมลงกินล้างให้สะอาด

2. เกลาแครอทเป็นรูปหยดน้ำ


3. เกลาส่วนโคนดอกให้เป็นรูปวงกลม และเซาะร่องกลีบ กะระยะให้เท่ากัน

4. วาดกลีบให้ร่องที่เซาะอยู่ตรงกลาง โดยแกะให้กลีบเท่ากัน


5. เซาะเนื้อระหว่างกลีบออกจะเห็นกลีบลอกเด่นขึ้น


6. ชั้นที่2 แกะสับหว่างกับชั้นแรก โดยเซาะร่องระหว่างกลีบชั้นที่1 และวาดกลีบเซาะเนื้อระหว่างกลีบออก


7. แกะสับหว่างกันไปเรื่อยๆ


8. เมื่อเกือบถึงปลายดอกควรแกะอย่างเบามืออย่าให้ปลายดอกหัก


9. แกะจนถึงปลายสุดของดอก

10. สามารถนำไปตกแต่งสถานที่ ใช้จัดแจกัน ตกแต่งอาหาร หรือหัวจานอาหารให้ดูสวยงามน่ารับประทานขึ้นได้




ดอกกุหลาบจากมะเขือเทศ

1. เลือกมะเขือเทศที่สดผิวตึงไม่มีรอยช้ำล้างให้สะอาด

2. เฉือนเปลือกมะเขือเทศด้านท้าย โดยปอกวนโดยรอบลูก


3. ไม่ให้เปลือกมีความบางเกินไปหรือหนาเกินไป


4. ปอกวนตามขวางลูกโดยรอบไม่ให้เปลือกขาดจากกัน


5. ปอกวนถึงด้านขัวของมะเขือเทศแล้วตัดออกจะได้เปลือกมะเขือเทศที่เป็นเส้นยาว


6. ม้วนส่วนปลายของมะเขือเทศให้แหลมทำเป็นเกสร


7. ม้วนวนไปเรื่อยๆจะได้เป็นดอกตูม


8. ม้วนวนจนถึงปลายอีกด้านหนึ่ง


9. จับส่วนปลายสุดของมะเขือเทศเป็นฐานรองดอก


10. เราก็จะได้ดอกกุหลาบจากมะเขือเทศ


11. อาจทำหลายดอกมาจัดรวมกันก็จะได้กลุ่มดอกกุหลาบจากมะเขือเทศที่สวยงาม

12. นำมาจัดใส่จานตกแต่งด้วยใบไม้จะดูสวยงามมากขึ้น อาจนำไปตกแต่งหัวจานอาหารเพื่อให้อาหารน่ารับประทานและมีความสวยงามม1. เลือกแครอทที่สด ผิวเรียบไม่มีรอยช้ำหรือรอยแมลงกินล้างให้สะอาด


ดอกกระดุมทอง                                                                   
            1. เลือกแครอทที่สด ผิวเรียบไม่มีรอยช้ำหรือรอยแมลงกินล้างให้สะอาด                                                       
2. หั่นแครอทเป็นแว่น ความหนาประมาณ 0.5 ซ.ม.
3. น้ำพิมพ์กดรูปดอกไม้มากดบนแครอท จะได้แครอทเป็นรูปดอกไม้


4. เซาะร่องเป็นวงกลมตรงกลางดอก




5. เซาะร่องตามยาวตรงกลางเกสร

6. เซาะร่องตามขวางตรงกลางเกสรจะได้เกสรเป็นตารางสี่เหลี่ยม

7. เซาะลายกลีบดอกทุกกลีบ เราก็จะได้ดอกกระดุมทองตามต้องการ


8. สามารถนำไปตกแต่งอาหาร หรือหัวจานอาหารให้ดูสวยงามน่ารับประ1. เลือกแครอทที่สด ผิวเรียบไม่มีรอยช้ำหรือรอยแมลงกินล้างให้สะอาด


ดอกรักเร่

1. เลือกแครอทที่สด ผิวเรียบไม่มีรอยช้ำหรือรอยแมลงกินล้างให้สะอาด


2. หั่นแครอทออกเป็นท่อนหนาประมาณ 1.5 นิ้ว


3. เกลาให้มนเกลาแครอทเป็นรูปครึ่งวงกลม


4. เซาะตรงกลางดอกให้เป็นรูปวงกลม โดยลบเหลี่ยมวงกลมเกสรตรงกลางให้โค้งมน


5. เซาะร่องตรงขอบของเกสร เว้นระยะของแต่ละร่องให้เท่ากัน


6. ลากกลีบให้ปลายแหลมพร้อมเซาะเนื้อข้างกลีบออก และแกะเกสรชั้นต่อไปให้สับหว่างกับชั้นแรก แกะไปจนถึงตรงกลางเกสร


7. เซาะรองของกลีบดอกชั้นที่ 1 เว้นระยะห่างเท่ากัน 


8. ลากกลีบให้แหลมโดยมีร่องอยู่ตรงกลางกลีบ และเซาะเนื้อข้างกลีบออก 



9. เซาะร่องชั้นที่ 2 ให้สับหว่างกับชั้นแรก 



10. ลากกลีบให้แหลมโดยมีร่องอยู่ตรงกลางกลีบ และเซาะเนื้อข้างกลีบออก ไปเรื่อยๆโดยกลีบสับหว่างกัน



11. ปาดเศษแครอทที่เป็นฐานรองดอกออก ก็จะได้ดอกรักเร่ตามต้องการ


12. ดอกรักเร่สามารถนำไปตกแต่งสถานที่ ใช้จัดแจกัน ตกแต่งอาหาร หรือหัวจานอาหารให้ดูสวยงามน่ารับประทานขึ้น

ดอกกุหลาบจากฟักทอง
1. เลือกฟักทองที่สด เนื้อหนา สีเหลืองนวล ล้างให้สะอาด


2. เกลาฟักทองให้เป็นรูปครึ่งวงกลม


3. เซาะตรงกลางดอกให้เป็นรูปวงกลม โดยลบเหลี่ยมวงกลมเกสรตรงกลางให้โค้งมน


4. วาดเกสรให้โค้ง และเซาะให้เห็นกลีบซ้อนกันไปเรื่อยๆจนถึงกลางดอก


5. วาดกลีบโค้งรอบนอกและเซาะเนื้อข้างกลีบออกให้เห็นกลีบชัดเจน

6. วาดกลีบซ้อนและเซาะเนื้อข้างกลีบวนไปเรื่อยๆจนครบรอบ


7. เซาะร่องข้างกลีบ4ร่อง เว้นช่องห่วงเท่าๆกันวาดกลีบกะระยะลากปลายกลีบให้แหลมปาดเนื้อฟักทองข้างกลีบออกจะเห็นกลีบชัดเจนขึ้นจะได้ 4 กลีบ


8. ชั้นต่อไปเซาะร่องสับหว่างระหว่างกลีบชั้นบน และลากกลีบให้ปลายกลีบแหลม ปาดเนื้อข้างกลีบออกให้เห็นกลีบชัดขึ้นแกะโดยรอบ


9. แกะกลีบปลายแหลม 3 ชั้น และตัดเนื้อส่วนที่เหลือของฟักทองออกจะได้ดอกกุหลาบจากฟักทองตามต้องการ


10. สามารถนำไปตกแต่งสถานที่ ใช้จัดแจกัน ตกแต่งอาหาร หรือหัวจานอาหารให้ดูสวยงามน่ารับประทานขึ้นได้ 




ดอกกุหลาบจากฝรั่ง

1. เลือกฝรั่งผลสดเกลี้ยงไม่มีรอยช้ำ


2. วาดวงกลมตรงกลางผล เซาะเนื้อข้างขอบที่วาดวงกลมไว้ เกลาให้มน


3. วาดวงกลมตรงกลางผล เซาะเนื้อข้างขอบที่วาดวงกลมไว้ เกลาให้มน


4. วาดกลีบรอบนอกชั้นแรกโดยเซาะเนื้อของกลีบออก


5. วาดกลีบชั้นที่สองสับหว่างกับชั้นแรก


6. วาดกลีบวนไปเรื่อยๆ จนได้ดอกที่สวยงาม


7. ปาดเนื้อเซาะร่องเพื่อวาดใบ


8. เซาะร่องกลางใบ 



9. ดอกกุหลาบฝรั่งสามารถนำไปตกแต่งสถานที่ หรือตามโต๊ะรับประทาน


ดอกไม้จากแตงร้าน

1. เลือกแตงร้านที่สด ผิวเรียบไม่มีรอยช้ำล้างให้สะอาด


2. หั่นส่วนหัวและส่วนท้ายออกเล็กน้อย


3. หั่นแตงล้านออกเป็นสามท่อนตามขวางโดยยึดส่วนหัวและส่วนท้ายเป็นหลัก หั่นขึ้นมาประมาณ 2.5 นิ้ว


4. คว้านเมล็ดออก


5. หั่นตามยาวผ่าลงมาแบ่งกลีบให้ได้เท่ากัน 8 กลีบ


6. ใช้มีดหั่นลงลงมาโดยเว้นส่วนโคนไว้ประมาณ 1 ซ.ม.


7. ใช้มีดตัดกลีบให้กลีบมนลายแหลมเป็นรูปกลีบดอกทีละกลีบ


8. วาดกลีบโดยรอบทุกกลีบให้กลีบเท่าๆกันทั้ง 8 กลีบ


9. ใช้มือจับกลีบแยกออกมาและเซาะกลีบทีละชั้นความหนาของกลีบเท่าๆกัน


10. เซาะให้ครบทั้ง 8 กลีบ โดยผ่ากลีบลงไปเว้นโคนกลีบไม่ให้ขาด


11. เซาะจนครบทุกกลีบโดยรอบ


12. นำไปแช่น้ำไว้สักครู่เพื่อให้กลีบแข็งตัวและบานออก


13. นำเกสรที่ทำจากแครอทมาใส่ไว้ตรงกลางดอก


14. นำดอกบัวสายที่ได้มาจัดใส่จาน สามารถนำไปตกแต่งจานอาหาร ทำให้อาหารน่ารับประทานยิ่งขึ้น